หลังจากช่วยเชลซีเอาชนะอาร์เซน่อล และพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรป้าลีก ได้สำเร็จ เอเดน อาซาร์ ได้โบกมืออำลา ทัพสิงโตน้ำเงินคราม เพื่อไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ในศึกลาลีก้า ของสเปน ชนิดที่ว่าแฟนบอลหลายๆคนต้องหลั่งน้ำตาให้กับผู้ชายคนนี้ แต่ด้วยราคาค่าตัวที่สูงถึง 100 ล้านยูโร และการเข้ามาเพื่อทดแทนแข้งระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่นเองทำให้เขาถูกคาดหวังอย่างมาก และความคาดหวังย่อมมาพร้อมกับความกดดันเสมอ

และผ่านไปเพียงสองสัปดาห์แรกหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในยูนิฟอร์มของเรอัล มาดริด เอเดน อาซาร์ก็กินแหลกจนน้ำตัวพุ่งขึ้นไปแตะหลัก 80 กิโลกรัม และนั่นทำให้เป็นครั้งแรกที่เขาถูกแฟนบอล ของทัพราชันย์ชุดขาวโจมตีอย่างหนักเกี่ยวกับสรีระที่อ้วนฉุของเขา แต่เจ้าตัวก็ใช้เวลาไม่นานในการรีดน้ำหนักและกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนเดิม

เรื่องแรกเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน เอเดน อาซาร์ ก็ต้องมาพบกับปัญหาอาการบาดเจ็บจากลงเล่นในเกมอุ่นเครื่อง ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล และนี่เองทำให้ตัวเขาต้องพลาดการลงเล่น ช่วงสามนัดแรกในศึกลาลีก้า สเปน และเมื่อหายเจ็บกลับมาไม่นาน อาร์ซาร์ ก็ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งในศึกยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ที่เรอัลมาดริด พบกับปารีส ช่วงเดือนพฤศจิกายน ในปี 2019 โดยในครั้งนี้ถือว่า อาซาร์ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรงบริเวณข้อเท้า และจากเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าตัวต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บยาวร่วม 3 เดือนเลยทีเดียว

 

 

หลังจากหายเจ็บกลับมา เอเดน อาซาร์ ก็กลับมาลงสนามกับทีมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะยังซวยไม่เลิก เมื่อเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บอีกครั้ง โดยถึงขั้นกระดูกข้อเท้าแตกเลยทีเดียว แถมในนัดนั้น ต้นสังกัดอย่างเรอัล มาดริด ยังพ่ายแพ้ต่อ เลบันเต้ ไปด้วยสกอร์ 0-1 อีกด้วย จากกรณีนี้ทำให้ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยี่ยมออกมาให้สัมภาษณ์ถึงอาการบาดเจ็บของอาซาร์ ว่าอาจจะต้องพักรักษาตัวนานกว่า 3 เดือน และมีสิทธิ์สูงมากที่จะหลุดทีมชุดลุยศึก ยูโร 2020 ที่กำลังจะมาถึงในช่วงกลางปี

นอกจากนั้นฟอร์มการเล่นของ เอเดน อาซาร์ ก็ไม่ได้ดีเหมือนสมัยอยู่กับเชลซี แม้แต่น้อย โดยตัวเขาลงเล่นให้กับทัพราชันย์ชุดขาวไปทั้งสิ้น 15 นัดรวมทุกรายการ แต่เพิ่งทำไปได้ 1 ประตู กับ 1 แอสซิสต์เท่านั้น และปัจจุบันเจ้าตัวก็มีอายุ 29 ปีแล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่ใกล้จะเลยจุดพีคเต็มที ทำให้บรรดาแฟนบอลราชันย์ชุดขาวที่ขึ้นชื่อเรื่องความอดทนต่ำเริ่มออกมาโจมตีเขาอีกครั้ง ซึ่งทั้งหมดนี้คงไม่เกินไปนักหากจะบอกว่าฤดูกาลแรกของเอเดน อาซาร์กับเรอัล มาดริด นั้นล้มเหลวจริงๆ