นับตั้งแต่ฟุตบอลไทยลีกเริ่มเติบโตจนมีผู้ชมทั้งในสนามและจากทางบ้าน ทำให้มาตรฐานต่างๆ เพิ่มสูงขึ้นหลายด้าน ทั้งฝ่ายจัด สโมสร โค้ช นักกีฬา และ ผู้ตัดสิน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมามาตรฐานของผู้ตัดสินถูกตั้งคำถามมาโดยตลอด ถึงการทำหน้าที่ไม่เที่ยงตรง ไม่มีมาตรฐานและไม่ทันเกม หลายครั้งจึงทำให้เกิดความรุนแรงต่อผู้ตัดสิน ทั้งการทำร้าย รุมล้อม และลอบยิง

การจะบ่งชี้ว่า “ผู้ตัดสิน” ไทยนั้นมีคุณภาพหรือไม่ จะต้องแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
คือช่วงก่อนและหลังการมี VAR ซึ่งในช่วงที่ฟุตบอลไทยลีกยังไม่มีเทคโนโลยีนี้เข้ามา ต้องยอมรับว่าการผิดพลาดโดยสุจริตมี แต่การตัดสินผิดพลาด ที่ไม่น่าจะผิดพลาด หรือจงใจเสมือนล็อคผลการแข่งขันกลับเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อีกทั้งการจะสืบทราบให้พบข้อเท็จจริงก็ค่อนข้างยาก เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ส่งผลให้สมาคมฟุตบอลต้องตัดสินบทลงโทษต่อกรรมการที่ลงทำหน้าที่จากจังหวะที่เป็นปัญหา ว่ามีผลกระทบต่อเกมมากขนาดไหน นั่นจึงทำให้แฟนฟุตบอล ต่างไม่เชื่อถือต่อการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินมาโดยตลอด แต่หากเมื่อใดที่การเชิญผู้ตัดสินไทยไปทำหน้าที่ยังต่างประเทศ หรือในการแข่งขันระดับนานาชาติ ผู้ตัดสินไทยกลับได้การยอมรับ นี่จึงอาจสื่อให้เห็นว่ามีผู้ตัดสินบางกลุ่มที่จงใจตัดสินให้ผิดพลาดเพื่อประโยชน์บางอย่าง

ฟุตบอลไทยลีกปี 2018 เริ่มมีการนำเทคโนโลยีภาพช้า VAR เข้ามาช่วยตัดสิน โดยนำร่องก่อนในเกมฟุตบอลถ้วย ปรากฏว่าผลตอบรับจากแฟนบอลเป็นไปในทางบวก ก่อนที่ปี 2019 จะมีการทดลองใช้และเริ่มใช้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งการเข้ามาของ VAR ได้ทำให้มุมมืดของผู้ตัดสินหายไปมากทีเดียว ผู้ตัดสินที่แฟนบอลมองว่าเป่าผิดพลาดบ่อย กลับกลายเป็นผู้ตัดสินที่มีคุณภาพ ปัญหาจากเกมการแข่งขัน ความวุ่นวายต่าง ๆ หายไปโดยทันที
ทั้งหมดนี้จึงสามารถกล่าวได้ว่า ผู้ตัดสินฟุตบอลไทยมีคุณภาพและมาตรฐานในระดับนานาชาติ แต่มีปัจจัยที่ทำให้ผู้ตัดสินบางกลุ่มเสมือนจงใจผิดพลาด โดยการเข้ามาของ VAR นับเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาทำให้ผลการตัดสินเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง
สามารถติดตามข่าวสารเรื่องราว ฟุตบอลนอกประเทศ และในประเทศ เพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ของเรา