วันนี้เมื่อปีที่แล้ว (26 ตค.) น่าจะเป็นวันประวัติศาสตร์วันหนึ่งของวงการฟุตบอลไทยและสำหรับแฟนบอลชาว เชียงราย ที่มีทีมหน้าใหม่จากเมืองเหนือฟอร์มเบรกแตกพุ่งชนทุกขวากหนาม ก่อนที่จะจบลงด้วยการคว้าแชมป์ไทยลีกสมัยแรกแบบดราม่า ทำให้กลายเป็นทีมแรกในรอบทศวรรษที่หลุดพ้นร่มเงาความสำเร็จของเมืองทองกับบุรีรัมย์

สำหรับฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2019 เป็นฤดูกาลที่ตัดลดทีมเข้าแข่งขันเหลือ 16 ทีม ทำให้การแข่งขันเต็มไปด้วยความเข้มข้น ทีมเล็ก ทีมนอกนอกสายตา ทำผลงานจนเป็นที่จับตามอง ก่อนที่การแข่งขันในระยะยาวจะค่อยๆ ตัดโอกาสลุ้นแชมป์ทีมต่างๆ จนเหลือ 3 ทีม ในช่วง 3 นัดสุดท้าย ซึ่งเกมที่มีประเด็นดราม่า คือการตัดแต้มกันเองระหว่างบุรีรัมย์ ที่เปิดบ้านรับการท่าเรือ โดยการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินหลายจังหวะค้านสายตาและเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บุรีรัมย์ ชนะ 3-1 ขึ้นนำจ่าฝูง พร้อมทั้งถีบส่งการท่าเรือให้หมดลุ้นแชมป์ ส่วนเชียงราย จริงๆก่อนหน้าโค้งสุดท้าย พวกเขามีฟอร์มการเล่นที่ดีจนทำแต้มนำบุรีรัมย์ด้วยซ้ำ แต่ดันไปพลาดหลุดเสมอกับบียูและ ปตท. ระยอง ทำให้บุรีรัมย์ทำแต้มเทียบและแซงไปในที่สุด
เกมนัดสุดท้ายหลายฝ่ายจึงมองว่า ไม่น่ามีปัญหาสำหรับบุรีรัมย์ในการบุกไปเก็บ 3 แต้ม จากเชียงใหม่ที่ตกชั้นไปแล้ว ซึ่งจะการันตีคว้าแชมป์ทันทีแบบไม่ต้องลุ้นผลคู่อื่น ส่วนเชียงรายมี 2 โจทย์ใหญ่ คือ ต้องชนะสุพรรณบุรีให้ได้สถานเดียวและต้องลุ้นให้บุรีรัมย์ไม่ชนะ แต่ถึงกระนั้นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากที่สุด คือการออกมาประกาศของนายเนวิน ชิดชอบ ว่า “จะไม่ขอรับถ้วยเชียงใหม่ที่”

โดยเกมการแข่งขัน ครึ่งแรก เชียงราย ทำประตูได้ ขณะที่อีกคู่ยังเสมอ
ส่วนเกมในครึ่งหลัง ความหวังกลับมาเลือนรางทันที เมื่อบุรีรัมย์ยิงประตูขึ้นนำ 0-1 ด้วยรูปเกมที่เชียงใหม่ไม่มีโอกาสได้บุก แถมจะโดนลูกสองอยู่หลายครา จวบจนเกมเดินทางมาถึงนาทีที่ 86 ผู้เล่นเชียงใหม่เตะบอลอัดใส่นักเตะทีมเยือนจนได้เตะมุม และเป็นไคเก้ที่ชิงโหม่งได้ก่อน ทำให้เสียงเฮดังลั่นสนั่นสนามสมโภช700ปี ที่แม้กระทั่งนักพากย์ยังเสียงหลง ส่วนเวลาที่เหลือ บุรีรัมย์ก็มีจังหวะหวาดเสียวเล็กน้อย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จบเกมเสมอกันไปที่ 1-1 นับเป็นการตกชั้นที่โลกต้องจำมากที่สุดครั้งหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย
ส่วนฝั่งของเชียงราย ที่แข่งกับสุพรรณบุรี เกมจบลงก่อน ทำให้ทุกฝ่ายของเชียงรายกอดคอกันลุ้นผล ก่อนที่สุดท้ายจะจบลงด้วยผลเสมอ ทำให้เชียงรายคว้าแชมป์สมัยแรกทันที ท่ามกลางความดีใจและน้ำตาแห่งความตื้นตันของผู้ที่อยู่เบื้องหลังมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร นั่นคือ คุณมิติ ติยะไพรัช
ทั้งหมดนี้จึงเป็นความทรงจำที่นำมาเล่าย้อนให้ได้หวนรำลึกถึง ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้สร้างความสะเทือนต่อวงการฟุตบอลไทย ในแง่ที่ว่าการจะเป็นแชมป์ไม่จำเป็นต้องทุ่มงบมหาศาล หากแต่ฉลาดลงทุนและเลือกส่วนผสมที่ดีที่สุดกับทีมเป็นพอ
สามารถติดตามข่าวสารเรื่องราว ฟุตบอลนอกประเทศ และในประเทศ เพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ของเรา